2007年8月1日水曜日

ดอนนา

ดอนนา คาราน Donna Karan ดีไซเนอร์สาวชาวอเมริกัน ที่ได้ชื่อว่าดีไซเนอร์ผู้รู้ซึ่งถึงสรีระของผู้หญิงได้ดีที่สุด เธอจึงมีชือเรียกตัวเธอเองเล่นๆว่า บอดี (Body) รูปแบบของดอนนา คาราน ที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากความทันสมัยแบบติดดินของเธอ เธอเคยกล่าวว่าเธอไม่ชอวออกแบบงานแบบเพ้อฝันจิตนาการมากเกินไป เธอต้องการออกแบบเสื้อผ้าให้ผู้หญิงสามารถใส่เดิน! ถนนได้จริงๆ กลุ่มเป้าหมายของเธอคือ ผู้หญิงทำงานซึ่งต้องการเสื้อผ้าที่ทำให้เคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉง และสวมใส่ได้อย่างมั่นใจในบุคลิกที่สง่างาม ไม่อ่อนช้อยเป็นผู้หญิงในอุดมคติแบบดั้งเดิมจนเกินไป ทั้งหมดนี้มันก็คล้ายกับบุคลิกของเธอเอง เธอจึงบอกว่า เธอออกแบบงานของเธอตามความรู้สกของเธอเองว่าอยากจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบใด ดอนนาคาราน มีชื่อสกุลเ�! ��ิมว่า ดอนนา ฟาสเก (Donna Faske) เก ิดในย่านควีนส์ ของนิวยอร์ก ค.ศ.1949 แม่ของเธอมีอาชีพเป็นนางแบบ ซึ่งต่อมาแม่ของเธอได้มีสามีใหม่และพาเธอไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ ลอง ไอส์แลนด์ โดยที่เธอได้ซึมซับความคิดที่จะเป็นช่างเสื้อจากช่วงเวลาที่เธออาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงที่มีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อในลอง ไอส์แลนด์นี้เอง ในปี ค.ศ.1962 ดอนนา คาราน ไม่ยอมเรียนต่อให้จบ เธอต้องการออกมาใช่ชีวิตบนเส้นทา! งอาชีพโดยยืนบนขาของตัวเองมากกว่า เธอเริ่มต้นงานแรกโดยเป็นคนขายเสื้อผ้าให้กับร้านของเพื่อนบ้าน แต่ก็ทำงานออกแบบเสื้อผ้าของเธอไปด้วย ซึ่งในช่วงระหว่างนั้นเธอได้เข้าศึกษาวิชาเอกแบบเสื้อผ้าที่โรงเรียนสอนการออกแบบ พาร์สันส์ (Parsons School of Design) ดอนนา คาราน ทำงานขายเสื้อผ้าอยู่ถึง 4 ปี เธอก็ได้พบกับ มาร์ค คาราน (Mark Karan) จึงตัดสินใจแต่งงานกับเขา ทั้งสองมีลูกสาว! ด้วยกันคนหนึ่งชื่อว่า กา เบรียลล์ (Gabrielle) ตามชื่อของกาเบรียลล์ ชาแนล (Gabrielle Chanel) ดีไซเนอร์ชื่อดังที่เป้นความฝันของเธอ ปี ค.ศ.1968 ในที่สุดเธอก็ได้ข่าวดีเมื่องานออกแบบของเธอได้รับการตอบรับจากห้องเสื้อของ แอนน์ ไคลน์ (Anne Klein) แต่เพียงไม่กี่เดือน เธอก็ต้องเดินออกมาจาก แอนน์ ไคลน์ (Anne Klein) แต่เพียงไม่กี่เดือน เธอก็ต้องเดินออกมาจาก แอนน์ ไคลน์ (Anne Klein) เนื่องจากความดื้อรั้นหัวแข็งของเธอเอง ดอนนา ค! าราน ไปทำงานต่อกับ แพ็ตตี แคปปาลลี (Patti Cappalli) ผู้เป็นเจ้าของตราเสื้อผ้าชื่อ แอดเดนดา (Addenda) ซึ่งที่นี่ คาราน กล่าวว่าได้ให้อะไรกับเธอมากมายในการมอบประสบการณ์การทำงานในวงการเสื้อผ้าอย่างแท้จริงที่เธอไม่เคยได้จากที่ใดมาก่อน คาราน ทำงานกับ แพ็ตตี แคปปาลลี นานถึงปีครึ่ง จึงคิดหาทางกลับไปทำที่แอนน์ ไคลน์ อีก เนื่องจากเป็นตราเสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าและโด่งดั�! �กว่า ที่ที่เธอหมายจะเป็� �ประตูสร้างชื่อเสียงให้กับเธอ และเธอก็ได้กลับมาที่ แอนน์ ไคลน์ อีกครั้งอย่างสมใจในปี ค.ศ.1970 ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ คาราน มีประสบการณ์สั่งสมขึ้นอย่างมากมายแล้ว เธอจึงก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมออกแบบได้อย่างรวดเร็ว กระทั่งในปี ค.ศ.1974 ที่ แอนน์ ไคลน์ ต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ดอนนา คาราน จึงสามารถมีโอกาสขึนมาโด่งดังได้อย่างแท้จริงเมื่อเธอกุมบังเหี�! ��นการออกแบบให้กับแอนน์ ไคลน์ โดยทำงานกับเพื่อนนักศึกษาเมื่อครั้งที่เรียนออกแบบที่พาร์สันด้วยกันที่มาอยู่ที่ แอนน์ ไคล์น นี้ด้วยอีกคนหนึ่ง คือ เดลล์ โอดิโอ (Dell Olio) จากการเข้ามาบริหารงานออกแบบของทั้งสอง แอนน์ ไคลน์ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ถึงแม้จะไม่มีเจ้าของตราสินค้าตัวจริงอยู่แล้วก็ตาม จนกระทั่งแอนน์ ไคลน์ สามารถคว้ายอดกำไรจากการขายได้อย่างงดงาม ! และเป็นตราสินค้าที่มีชื� ��อเสียงทางด้านชุดกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกาตราหนึ่ง ปี ค.ศ. 1983 ดอนนา คาราน แต่งงานใหม่กับนักประติมากรรมคนหนึ่งซึ่งอายุน้อยกว่าเธอ คือ สเตฟาน ไวสส์ (Stephan Weiss) หลังจากอย่าขาดจากสามี โดยที่เธอได้สิทธิ์เลี้ยงดูบุตรสาว แก็บบี ของเธอไว้ สเตฟาน ไวสส์ นั้นภายหลังมีส่วนอย่างมากในความช่วยเหลือด้านสร้างสรรค์ให้กับ ดอนนา คาราน และยังเข้ามาช่วยใน�! ��ุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเธออีกด้วย ดอนนา คาราน เป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ที่ แอนน์ ไคลน์ อยู่อย่างยาวนานจนกระทั่งถึงปีค.ศ.1984 โดยสร้างชื่อเสียงเป็นดีไซเนอร์ที่มีรูปแบบการออกแบบที่เน้นในความอิสระและพลิ้วไหวในเสื้อผ้าของเธอ ในระหว่างที่อยู่กับ แอนน์ ไคลน์นั้น คาราน ก็ยังได้รับรางวัลจากษมาคมนักข่าวแฟชั่น โคตี อะวอร์ต (Coty American Fashion Critics Awards) รางวัลสำหรับดีไซเ�! �อร์ยอดเยี่ยมในสหรัฐอเมร ิกาถึง 4 ครั้ง คือ ในปี ค.ศ.1977, ค.ศ.1981, ค.ศ.1984 และ ค.ศ.1985 ไม่เพียงแต่โคตรี อะวอร์ดเท่านั้นที่ คารานได้รับ คาราน ยังได้รับรางวัลจาก สถาบันผู้ออกแบบแฟชั่นแห่งอเมริกา (Council of Fashion Designers of America : CFDA) รางวัลดีไซเนอร์แห่งปีถึง 4ครั้ง ด้วยเช่นกัน คือ ในปีค.ศ.1985, ค.ศ.1986, ค.ศ.1990 และค.ศ.1992 กระทั่งในปี ค.ศ.1985 คารานจึงตัดสินใจวางมือจาก แอนน์ ไคลน์ออกมาก่อตั้งกิจการของตนเองบ้าง คารานให้ชื่อตราสิ! นค้าของเธอว่า ดอนนา คาราน นิวยอร์ก (Donna Karan New York :DKNY) ภายใต้ตราสินค้าของเธอเอง คารานยังคงมุ่งมั่นทำสไตล์แบบสปอร์ตของเธอออกมาให้วงการแฟชั่นสหรัฐอเมริกายอมรับเพื่อแข่งขันกับตราสินค้าดังที่บินข้ามฟ้ามาจากปารีสและลอนดอน ซึ่งมุ่งหน้าสู่ตลาดนิวยอร์กที่มีผู้มีกำลังซื้ออย่างมหาศาล แม้แระทั่งตาราสินค้าภายในประเทศด้วยกันเองที่เน้นความอิสระและเป็นแบบ �! ��ปอร์ต ลุค ซึ่งเป็นบุคลิก แบบอเมริกันเช่นเดียวกับที่เธอทำ สิ่งหนึ่งที่เธอดึงออกมาเป็นจุดขายเพื่อแข่งขันกับตราสินค้าดังต่างๆอย่างได้ผลก็คือ ความเข้าใจในสรีระของผู้หญิง โดยดีไซเนอร์ผู้หญิง อย่างแท้จริงนั่นเอง ดอนนา คาราน ดึงเอาบุคลิกของเธอเองลงมาใส่ไว้ในแบบเสื้อผ้าของเธอ ขณะนั้นเธอเป็นดีไซเนอร์ผู้มีชื่อเสียงที่ประสบความสำเร็จแล้ว ชื่อของ ดอนนา คาราน จึงไม่เป็นเพี�! �งแคดีไซเนอร์ แต่หมายถึงสตรีที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการทำงานในสหรัฐอเมริกาด้วย ดังนั้นภาพลักษณ์ของเธอที่ปรากฏโยทั่วไปจึงเป็นสตรีที่มีความเชื่อมั่น และโดดเด่นอยู่ในสังคมวงการแฟชั่น ซึ่งสิ่งนี้เองที่กลายมาเป็นความต้องการของลูกค้าที่ซื้อ เสื้อผ้าของ ดอนนา คาราน ไปสวมใส่ลูกค้าของ คาราน ต่างก็ชื่นชมในบุคลิกแบบนักกีฬาที่คล่องแคล่ว ผนวกกับภา�! ��ของสาวทำงานที่เชื่อมั่� � ซึ่งเป็นบุคลิกแบบที่สตรีในสหรัฐฯมากกว่า 30 เปอร์เซนต์ต้องการ แม้แต่การออกแบบชุดอาหารค่ำหรือชุดราตรีในคอลเล็คชันของเธอนั้น ดอนนา คาราน ก็ยังไม่ยอมที่จะนำสิ่งที่จะทำให้ดูอุ้ยอ้าย เทอะทะ เข้ามาประดับประดาใส่ไว้ด้วย ซึ่งต่างจากดีไซเนอร์ทั่วไป ที่เน้นย้ำการตกแต่งกับชุดเช่นนี้อย่างมาก ชุดยาวของเธอหากจะนำวัสดุเข้ามาประกอบแล้ว เธอจะเลือกเอาสิ่ง�! ��ี่ไม่ฉุดรั้งชุดให้ดูหนักอึ้ง มันบังต้องดูพลิ้วไหว คล่องแคล่วอิสระแบบสาวยุคใหม่อย่างเชื่อมั่นด้วยนั่นเอง นอกจากสินค้าเสื้อผ้าแล้ว DKNY ก็เช่นเดียวกับตราสินค้าแฟชั่นอื่น ๆ ที่ต้องทำสิค้าแฟชั่นออกมาให้ครบทุกสาย DKNY แผนกเสื้อผ้าผู้ชายยีนส์ ชุดกีฬา เครื่องหนัง ชุดนอน ชุดชั้นใน แว่นตา เครื่องประดับ และเครื่องตกแต่งบ้าน รวมถึงน้ำหอมสินค้าแฟชั่นที่ขา�! ��ไม่ได้ซึ่งต้องมีประจำใ� �บูติกทุกแห่ง น้ำหอมของ DKNY มีชื่อต่าง ๆ เช่น Donna Karan Eaude Parfum, Donna Karan New york, Donna Karan CashmereMist, Dk Men, DK Men Unleaded, Chaos, DKNY Women, DKNY Men, Black Cashmere, DKNY Energy ปี ค.ศ.1995 สเตฟาน ไวสส์ สามีของ คาราน ผู้มีส่วนในการออกความคิดสร้างสรรค์ให้กับ DKNY ก็ขอลาออกจาก DKNY โดยอ้างว่าไม่เหมาะกับงานด้านนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นไวสส์ได้ถูกมอบหมายให้รับผิดชอบบุกเบิกสายงานด้านเครื่องสำอางให้กับ DKNY แต่ไวสส์ ก็ยังไม่ได้ดำเนินการไปสักเท่�! ��ใดนัก ก็ลาออกเพื่อไปฝึกฝนงานด้านประติมากรรมของเขาต่องานเครื่องสำอางของ DKNY จึงต้องค้างเติ่งไป กระทั่งในปี ค.ศ.2001 หลังจากที่ สเตฟาน ไวสส์ เสียชีวิตจากเธอไปด้วยสาเหตุของมะเร็งอีกคน ดอนนาคาราน ก็เริ่มล้ากับงานบริหารใน DKNY เธอขายหุ้นให้กับ แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) แห่งกลุ่ม LVMH คือ หลุยส์ วิตตอง-โมเอต์ เฮนเนสซี (Louis Vuitton-Moet Hennessy) จากฝรั่งเศส ผู้เข้าซื้อธุรกิจแฟ�! �ั่นทั้งนอกและในประเทศฝร ั่งเศสไว้มากมาย โดยที่ คาราน ได้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์อาวุโสต่อไป ทุกวันนี้ถ้าใครไปที่นิวยอร์ก และเดินไปที่ถนนที่ 7 ย่านแฟชั่นของนิวยอร์ก จะต้องยืนสังเกตที่หัวถนนสายที่ 7 ตรงพื้นทางเท้าที่คนทั่วไปรู้จักกันว่า Fashion Walk of Fame ซึ่งจะมีชื่อของดีไซเนอร์ชื่อดังติดอยู่ "ดอนนา คาราน" ได้รับการจารึกชื่อของเธอลงบนแผ่นบรอนซ์ เพื่อเป็นเกียรติในฐานะดีไซ! เนอร์ชาวอเมริกันผู้สร้างชื่อเสียงให้กับสหรัฐอเมริการจารึกไว้ โดยสถาบันแฟชั่นแห่งสหรัฐอเมริกาต่าง ๆร่วมกับเทศบาลนครนิวยอร์ก มอบไว้เป็นเกียรติให้แก่ ดอนนา คาราน ตลอดไป

0 件のコメント: